โรคพาร์กินสัน ซึ่งเป็นภาวะที่เกิดจากความเสื่อมของระบบประสาท มีลักษณะเฉพาะคือการลดลงของสารสื่อประสาทโดปามีนในสมอง
แพทย์สามารถวินิจฉัยภาวะนี้ได้เมื่อเริ่มมีอาการ เช่น การสั่น อาการตึง และปัญหาเกี่ยวกับการทรงตัวและการประสานงาน ซึ่งระบบประสาทได้รับความเสียหายในช่วงเวลาดังกล่าว
การวิจัยใหม่แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนแปลงในหัวใจเกิดขึ้นก่อนระยะแสดงอาการของโรค
จากการใช้การสแกน PET นักวิจัยพบว่าระดับโดปามีนในหัวใจในระดับต่ำเป็นตัวบอกที่ชัดเจนถึงการเกิดของ โรคพาร์กินสัน หรือภาวะสมองเสื่อมในภายหลัง
การค้นพบนี้อาจนำไปสู่วิธีการวินิจฉัยสภาวะก่อนที่จะเกิดโรค
โรคพาร์กินสัน ส่งผลกระทบต่อผู้คน 10 ล้านคนทั่วโลก โรคนี้เป็นโรคทางระบบประสาทที่พบบ่อยเป็นอันดับสองรองจากโรคอัลไซเมอร์และมักจะนำไปสู่ภาวะสมองเสื่อมรูปแบบอื่นคือภาวะสมองเสื่อมที่มีร่างกายหรือที่เรียกว่าภาวะสมองเสื่อมของร่างกาย
ในผู้ที่เป็น โรคพาร์กินสัน มีอาการต่างๆ เช่น อาการสั่น การเคลื่อนไหวช้า แขนขาตึง และปัญหาการทรงตัวเป็นผลมาจากการขาดสารสื่อประสาทโดปามีน
สารสื่อประสาทตัวที่สอง norepinephrine (noradrenaline) ก็ลดลงใน โรคพาร์กินสัน เช่นกัน ซึ่งส่งผลต่อการทำงานของระบบประสาท
สิ่งนี้สามารถนำไปสู่ความอ่อนเพลีย ความดันโลหิตไม่สม่ำเสมอ การเคลื่อนตัวของอาหารผ่านทางเดินอาหารลดลง และความดันโลหิตลดลงกะทันหันเมื่อยืน
เมื่ออาการชัดเจนขึ้น ความเสียหายอย่างมากต่อระบบประสาทก็จะเกิดขึ้น ดังนั้น นักวิจัยจึงมองหาวิธีในการระบุผู้ที่มีความเสี่ยงสูง และวินิจฉัยความผิดปกติก่อนที่ความเสียหายจะเกิดขึ้นมาก
การสแกนหัวใจสามารถบอกอะไรเกี่ยวกับโรคพาร์กินสันได้หรือไม่
แนวทางหนึ่งที่เป็นไปได้คือการมองหาการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ในส่วนอื่น ๆ ของร่างกาย การวิจัยใหม่โดยใช้การสแกนด้วยเอกซเรย์ปล่อยโพซิตรอน (PET) ของหัวใจพบว่าบุคคลที่มีความเสี่ยงซึ่งมีกัมมันตภาพรังสีที่ได้มาจากโดปามีนต่ำ 18F – ภาพการเต้นของหัวใจ ตัวแทน ในหัวใจมีแนวโน้มสูงที่จะเป็นโรคพาร์กินสันหรือภาวะสมองเสื่อม ในระหว่างการติดตามผลระยะยาว
การศึกษาโดยนักวิจัยจากสถาบันสุขภาพแห่งชาติ (NIH) ได้รับการตีพิมพ์ใน วารสาร Journal of Clinical Investigation
การศึกษานี้ติดตามบุคคลกลุ่มเล็กๆ ที่มีความเสี่ยงสูงต่อการเกิดโรคพาร์กินสันหรือภาวะสมองเสื่อม แต่ติดตามบุคคลเหล่านี้เป็นเวลาหลายปีเพื่อประเมินว่าการใช้ PET หัวใจสามารถใช้เป็นตัวทำนายการเปลี่ยนแปลงได้หรือไม่ เพื่อการวินิจฉัยทางคลินิกของ โรคพาร์กินสัน หรือ ภาวะสมองเสื่อม